Posts

Showing posts from 2016

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (12)

Image
บทที่สิบสอง การพูดให้สอดคล้องกัน หากผู้ที่เป็นกษัตริย์สามารถทำได้ถึงขั้นสุขุม ใจเย็น ซื่อตรง สงบนิ่ง ทั้งยังคล้อยตามได้และยับยั้งชั่งใจเป็น ยอมเป็นผู้ให้และไม่เป็นผู้แย่งชิง   เช่นนี้ก็จะสามารถเผชิญหน้ากับข้อพิพาทต่างๆ ได้อย่างใจเย็นและสงบนิ่ง   ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง วิธีการที่ดีในการรักษาตำแหน่งกษัตริย์ สำหรับดวงตาแล้ว   สิ่งสำคัญคือความชัดเจน   สำหรับหูนั้น   สิ่งสำคัญคือว่องไว   และสำหรับจิตใจนั้น   สิ่งสำคัญอยู่ที่ปัญญา หากกษัตริย์สามารถใช้ตาของทุกคนไปมองสิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่มองไม่เห็น   หากใช้หูของทุกคนไปฟังสิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ได้ยิน   หากใช้ใจของทุกคนไปคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ หากคนทุกคนเป็นอย่างซีของล้อรถที่ไปบรรจบกันตรงเพลาล้อ   ร่วมแรงร่วมใจกัน   ก็จะมองเห็นความจริงทุกอย่าง   ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้   ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง ความสามารถในการดูคน วิธีการฟังให้ได้เรื่องราวคือ   อย่าตอบตกลงทั้งที่เห็นในระยะไกล   และอย่าปฎิเสธทั้งที่เห็นในระยะไกล   หากรับฟังคำพูดของ...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (11)

Image
บทที่สิบเอ็ด การตัดสินใจ ใครก็ตามที่ช่วยตัดสินใจให้ผู้อื่น   ล้วนถูกไหว้วานจากคนที่มีปัญหายากจะแก้ไข   โดยทั่วไปผู้คนต่างคาดหวังที่จะเจอแต่เรื่องดีๆ ไม่หวังที่จะพบเจอเรื่องร้ายๆ หวังว่าสุดท้ายจะขจัดข้อสงสัยต่างๆ ออกไปได้   ในขณะตัดสินใจนั้น   หากเป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว   เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายที่ไม่ได้ประโยชน์ก็จะไม่ยอมรับ   นั่นเป็นเพราะว่า พื้นฐานของการพึ่งพาอาศัยขาดความสมดุล   ความจริงแล้วการตัดสินใจใดๆ ควรเป็นประโยชน์ต่อผู้ตัดสินใจเอง   แต่หากว่าภายในแฝงด้วยปัจจัยที่ไม่เอื้อประโยชน์   เช่นนั้นแล้วผู้ตัดสินใจก็จะไม่ยอมรับ   ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายก็จะเริ่มห่างออกไป   เช่นนี้แล้วก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มาช่วยตัดสินใจ   ยิ่งกว่านั้นอาจจะเป็นการนำภัยมาสู่ตน   การตัดสินใจเช่นนี้ถือเป็นความผิดพลาด   เหตุที่นักปราชญ์ทำการใหญ่ให้สำเร็จได้ มีหลักสำคัญ 5 ข้อ คือ ใช้หลักของหยาง ใช้หลักของหยิน ใช้ความเป็นธรรม ใช้ความรักความเมตตา และใช้ความซื่อสัตย์สุจริต   ต้องใช้หลักทั้งห้านี้ในยามปกติและยา...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (10)

Image
บทที่สิบ การวางแผน ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนวางแผนการ   ล้วนต้องปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้   จะต้องทำความเข้าใจกับสาเหตุที่มาที่ไป และศึกษาสภาพความเป็นจริง   และใช้การศึกษานี้มากำหนด "คนสามระดับ"   ซึ่งก็คือ ระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง   หากคนทั้งสามระดับต่างมองทะลุซึ่งกันและกัน   ก็จะสามารถคิดแผนการที่คาดไม่ถึง   และแผนการที่คาดไม่ถึงนี้ก็เอาชนะได้ทุกสิ่ง เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน   ดังนั้นคนประเทศเจิ้งจึงต้องพกเข็มทิศติดตัวทุกครั้งที่เข้าป่า เพื่อจะได้ไม่หลงทาง   การประเมินความรู้ ความสามารถ และความรู้สึกนึกคิด ก็เปรียบเสมือนกับการใช้เข็มทิศ   ดังนั้นใครก็ตามที่สนิทสนมและมีความคิดความรู้สึกตรงกัน   จะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน   ใครก็ตามที่มีความต้องการเหมือนกัน   แต่ความสัมพันธ์ห่างเหิน   สุดท้ายก็จะมีเพียงบางกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์   ใครก็ตามที่มีความคิดชั่วร้ายเหมือนกัน   ทั้งยังสนิทสนมกันและกัน   ก็จะต้องเสียหายไปด้วยกัน   ใครก็ตามที่มีความคิดชั่วร้ายเหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์ห่า...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (9)

Image
บทที่เก้า การใช้อำนาจ "การพูดโน้มน้าว" ก็คือการพูดให้ผู้อื่นเชื่อในสิ่งที่พูด  การ จะพูดให้ผู้อื่นเชื่อก็ต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น คำพูดอะไรก็แล้วแต่ที่ผ่านการแก้ไขมาแล้ว ล้วนถูกนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง สิ่งใดก็ตามที่ถูกยืมมา   ล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นงานสังสรรค์หรือการตอบคำถาม จำเป็นต้องรู้ทักษะการพูดทางการทูตเป็นอย่างดี คำพูดต่างๆ ที่ใช้ทางการทูต มักจะเป็นคำพูดที่ไม่มีความสัตย์จริง หากจะสร้างความน่าเชื่อถือก็ต้องเปิดเผยตรงไปตรงมา การที่เปิดเผยตรงไปตรงมาก็เพื่อให้คนได้เห็นและพิสูจน์ คำพูดใดก็ตามที่ยากจะปริปากพูด ล้วนเป็นคำวิจารณ์ในเชิงลบ   อะไรก็ตามที่เป็นการวิจารณ์ในเชิงลบ   ล้วนเป็นคำพูดชักจูงให้ฝ่ายตรงข้ามเผยความลับออกมา คนที่พูดจาเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด กลับกลายเป็นคน "ซื่อสัตย์" เพราะประจบสอพลอเก่ง  คนที่พูดจาธรรมดา แต่กลับดูเป็นคน "กล้าหาญ" เพราะมีความเด็ดขาด คนที่พูดจาดูเศร้าสร้อย แต่เพราะมีดุลพินิจจึงดูเป็นคน "น่าเชื่อถือ"   คนที่พูดจานิ่งๆ แต่กลับกลายเป็น "ผู้ชนะ" เพราะชอบคิดแบบกลับด้าน การตอบรับและคล้อยตาม...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (8)

Image
บทที่แปด การชั่งน้ำหนัก "การชั่งน้ำหนัก" ที่ว่าเป็นวิธีที่คล้ายกับ "การคาดคะเน"   เป้าหมายของการคาดคะเนคือ "สอดคล้องกับภายใน"   การดำเนินการคาดคะเนจำต้องรู้กฎของการคาดคะเน   และกฎเหล่านี้ก็ซ่อนอยู่ข้างในไม่ปรากฎให้เห็น   จึงต้องอาศัยการ "ชั่งน้ำหนัก" อย่างเหมาะสม   เพื่อประเมินความชอบของเขา โดยให้เขาสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมภายนอก   จะให้สิ่งที่อยู่ภายในใจเปิดเผยออกมา ก็ต้องลงมือทำอะไรบ้างอย่าง นี่ก็คือหน้าที่ของ "การชั่งน้ำหนัก" หลังจากบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ก็ต้องไปจากฝ่ายตรงข้ามในเวลาที่เหมาะสม   เก็บซ่อนแรงจูงใจไว้   ทำลายร่องรอย อำพรางพฤติกรรมภายนอก   หลีกเลี่ยงความจริง   ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือทำเรื่องนี้ "การชั่งน้ำหนัก" ฝ่ายตรงข้ามทำในเวลานี้   และฝ่ายตรงข้ามจะเปิดเผยตัวในเวลาต่อมา   ขอเพียงเรามีวิธีทำให้ฝ่ายตรงข้ามทำตามแผนของเรา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สำเร็จได้ สมัยโบราณคนที่เก่งใน "การชั่งน้ำหนัก" ก็เหมือนกับการถือเบ็ดไปตกปลาที่ริมน้ำ เพียงแค่หย่อนเบ็ดที่มีเหยื่อลงในน้ำ รออย่างเงียบๆ ไม่ต้องพู...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (7)

Image
บทที่เจ็ด การคาดคะเน การคาดคะเนที่ว่าก็คือ จะต้องอาศัยช่วงเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังดีใจสุดๆ ทำให้ความปรารถนาของพวกเขาเพิ่มขึ้น และเมื่อพวกเขามีความปรารถนา ก็ไม่สามารถยับยั้งความจริงไว้ได้ และในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังหวาดกลัวสุดขีด ต้องทำให้ความกลัวของพวกเขาเพิ่มขึ้น   เมื่อพวกเขามีความกลัว ก็ไม่สามารถปิดบังความจริงไว้ได้  ความต้องการนั้นจะแสดงออกมาให้เห็นตามการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์   สำหรับคนที่ถูกกระตุ้นแล้วไปแล้ว   แต่ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ก็ควรจะเปลี่ยนเป้าหมายไปโน้มน้าวคนสนิทของเขาแทน   เช่นนี้ก็จะรู้ถึงสาเหตุที่เขาไม่ตอบสนอง คนที่อารมณ์ความรู้สึกเกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมแสดงออกให้เห็นทางสีหน้าท่าทาง ดังนั้นบ่อยครั้งที่เราจะต้องอาศัยการสังเกตพฤติกรรมการแสดงออก เพื่อทำความเข้าใจกับสภาพความเป็นจริงที่ถูกซ่อนไว้ข้างใน นี่ก็คือสิ่งที่เขาเรียกกันว่า "การคาดคะเนสถานการณ์" ดังนั้นคนที่ต้องวางแผนทำการใหญ่ให้ประเทศชาติ ก็ควรจะรู้ศักยภาพของประเทศในทุกๆ ด้านอย่างละเอียด คนที่จะไปโน้มน้าวกษัตริย์ประเทศอื่น จะต้องประเมินความคิดความอ่านของกษัตริย์ประเทศนั้นอย่างรอบ...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (6)

Image
บทที่หก การคล้อยตาม พฤติกรรมใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการปรองดองหรือการต่อต้าน  ล้วนต้องมีแผนการที่สอดคล้องกัน   การเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนย้าย ก็เหมือนกับวงแหวนที่เชื่อมติดกันเป็นวงเดียวไม่ขาดออกจากกัน   แต่การเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนย้ายนั้นกลับมีลักษณะเฉพาะในตัวมันเอง   ดังนั้นการที่นักปราชญ์เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ก็เพื่อเทศนามนุษย์ทั้งหลาย ขยายอิทธิพล และเผยแพร่ชื่อเสียง   พวกเขายังต้องพิจารณาช่วงเวลาจากความเกี่ยวเนื่องของสิ่งต่างๆ   เพื่อไคว่คว้าโอกาสที่ดีที่สุดเอาไว้   บ้านเมืองขาดและเหลือในด้านใดบ้าง   ก็ต้องเริ่มจากจุดนี้   และคิดหาวิธีเพื่อผลักดันให้สิ่งต่างๆ แปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีที่เป็นประโยชน์   ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถคงความสูงส่งไว้ได้ชั่วนิรันดร์   และไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะอยู่เป็นแบบอย่างได้ชั่วนิรันดร์เช่นกัน นักปราญช์มักลงมือทำในทุกสิ่ง และฟังในทุกสิ่ง   ทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ   ทำให้แผนการที่วางไว้เป็นจริงขึ้นมา   ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนายของตน   เมื่อทำให้ฝ่ายนั้นได้ผลประโยชน์   ฝ่ายนี้ก...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (5)

Image
บทที่ห้า เข้าควบคุมโดยการเอาชนะใจ ใครก็ตามที่คอยประเมินสติปัญญาและความสามารถของผู้อื่น  วัตถุประสงค์ก็เพื่อดึงดูดผู้มีความรู้ความสามารถจากที่ต่างๆ ทั้งใกล้และไกล   การสร้างแรงผลักดันเพื่อให้เข้าใจกฎการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้นนั้น   ก่อนอื่นจะต้องพิจารณาความเหมือนและความแตกต่างระหว่างกลุ่ม   แยกแยะคำวิจารณ์ด้านต่างๆ ที่ถูกและผิด   รับรู้และเข้าใจข้อเสนอต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอก   ต้องรู้ปริมาณของสิ่งที่มีและขาด   ต้องแน่ใจในความปลอดภัยของแผนการ   รู้ว่าต้องเข้าใกล้หรือออกห่างจากใคร   จากนั้นพิจารณาถึงความสัมพันธ์เหล่านี้ หากยังมีข้อสงสัยหรือไม่ชัดเจนก็ต้องศึกษาตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตน   อาศัยคำพูดของคู่ต่อสู้ จากนั้นเข้าควมคุมคู่ต่อสู้ด้วยการชมเชยเอาใจ   วิธีนี้ถือเป็นการโน้มน้าวอย่างหนึ่ง จุดเด่นของมันแตกต่างกันไป สำหรับคู่ต่อสู้ที่ใช้วิธีนี้แล้วก็ยังสามารถเข้าควบคุมได้   ก็อาจจะต้องใช้การข่มขู่หรือจูงใจก่อน   จากนั้นค่อยดำเนินการลองใจพวกเขาซ้ำๆ   หรืออาจจะลองใจพวกเขาซ้ำไปมาก...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (4)

Image
บทที่สี่ การสกัดกั้น สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีกฎกติกาของมัน   ทุกอย่างต้องมีสองด้านที่แย้งกันเสมอ   บางครั้งต่างฝ่ายต่างอยู่ใกล้กัน แต่กลับไม่เข้าใจกันและกัน   บางครั้งต่างฝ่ายต่างอยู่ไกลกัน แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกันและกัน   อยู่ใกล้กันแต่กลับไม่เข้าใจกัน นั่นเป็นเพราะไม่ได้คิดพิจารณาคำพูดของกันและกัน   อยู่ไกลกันแต่กลับคุ้นเคย ก็เป็นเพราะไปมาหาสู่กันบ่อยและใส่ใจซึ่งกัน คำว่า "巇" ที่กล่าวถึงคือ "ช่องโหว่หรือข้อบกพร่อง"   ส่วนคำว่า "罅" นั้นก็คือ รอยร้าวของภาชนะ   รอยร้าวจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น   รอยร้าวที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น สามารถใช้ "抵 (การสกัดกั้น) " มาอุดมันเอาไว้   สามารถใช้ "การสกัดกั้น" มาหยุดมันไว้   สามารถใช้ "การสกัดกั้น" ทำให้มันเล็กลง   สามารถใช้ "การสกัดกั้น" ทำให้มันหายไป   และสามารถใช้ "การสกัดกั้น" เพื่อให้ได้เครื่องมือมา นี่ก็คือหลักทั่วไปของ "抵巇(สกัดช่องโหว่)" เมื่อสิ่งต่างๆ เริ่มปรากฎให้เห็นวิกฤต   มีเพียงนักปราชญ์เท่านั้นที่รู้ และเป็นคนเดียวที่รู้ประโยชน์ของมัน ใช้การเปลี่ยน...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (3)

Image
บทที่สาม การเสนอความเห็น ระหว่างกษัตริย์และขุนนางนั้น บางคนตัวอยู่ไกลกันมากแต่กลับรู้สึกสนิท บางคนใกล้กันมากแต่กลับรู้สึกห่างกันแสนไกล บางคนอยู่ข้างกายแต่กลับไม่ถูกเรียกใช้ บางคนจากไปแล้วยังถูกเรียกกลับเข้ารับราชการ บางคนกษัตริย์เห็นหน้าอยู่ทุกวันแต่กลับไม่ได้รับความไว้ใจ บางคนอยู่ห่างจากกษัตริย์ไกลแสนไกล แต่แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้นึกถึง ไม่ว่าเรื่องใดต้องมีทั้งฝ่ายรับและฝ่ายเสนอ โดยทั่วไปแล้วสิ่งต่างๆ ล้วนเชื่อมโยงกับจุดกำเนิดของมันเอง หรือไม่ก็ใช้คุณธรรมเป็นตัวเชื่อมโยง หรือใช้พวกพ้องเป็นตัวเชื่อมโยง หรือใช้ทรัพย์สินเงินทองเป็นตัวเชื่อมโยง หรือไม่ก็ใช้ศิลปะเป็นตัวเชื่อมโยง หากคิดจะสนับสนุนผลักดันความคิดเห็นของตนเอง  ก็ต้องทำให้ได้ถึงขนาดที่ว่าคิดอยากจะเข้ามาก็ได้เข้ามา อยากจะสนิทก็ได้สนิท อยากจะห่างเหินก็ห่างเหิน อยากจะเข้าใกล้ก็ได้เข้าใกล้ อยากจะจากไปก็ได้จากไป อยากจะถูกเรียกใช้ก็ได้ถูกเรียกใช้  อยากถูกคิดถึงก็ได้ถูกคิดถึง ก็เหมือนกับแม่แมงมุมที่เดินนำลูกแมงมุม เวลาออกมาจะไม่ทิ้งร่องรอยของรังไว้ เวลากลับเข้าไปก็ไม่ทิ้งสัญลักษณ์ไว้ ไปด้วยตัวเอง กลั...