《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (6)



บทที่หก การคล้อยตาม
พฤติกรรมใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการปรองดองหรือการต่อต้าน ล้วนต้องมีแผนการที่สอดคล้องกัน  การเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนย้าย ก็เหมือนกับวงแหวนที่เชื่อมติดกันเป็นวงเดียวไม่ขาดออกจากกัน  แต่การเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนย้ายนั้นกลับมีลักษณะเฉพาะในตัวมันเอง ดังนั้นการที่นักปราชญ์เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ก็เพื่อเทศนามนุษย์ทั้งหลาย ขยายอิทธิพล และเผยแพร่ชื่อเสียง พวกเขายังต้องพิจารณาช่วงเวลาจากความเกี่ยวเนื่องของสิ่งต่างๆ เพื่อไคว่คว้าโอกาสที่ดีที่สุดเอาไว้ บ้านเมืองขาดและเหลือในด้านใดบ้าง ก็ต้องเริ่มจากจุดนี้ และคิดหาวิธีเพื่อผลักดันให้สิ่งต่างๆ แปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีที่เป็นประโยชน์  ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถคงความสูงส่งไว้ได้ชั่วนิรันดร์ และไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะอยู่เป็นแบบอย่างได้ชั่วนิรันดร์เช่นกัน นักปราญช์มักลงมือทำในทุกสิ่ง และฟังในทุกสิ่ง ทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ ทำให้แผนการที่วางไว้เป็นจริงขึ้นมา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนายของตน เมื่อทำให้ฝ่ายนั้นได้ผลประโยชน์ ฝ่ายนี้ก็ต้องเสียผลประโยชน์ แผนการอะไรก็ตาม ไม่สามารถภักดีต่อกษัตริย์สองคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันในเวลาเดียวกันได้ สุดท้ายก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องผิดหวัง เมื่อสอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายนี้ อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องผิดหวัง ต้องทำให้อีกฝ่ายหนึ่งผิดหวัง จึงจะสอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายนี้ นี่ก็คือกลวิธีแบบ "การคล้อยตาม" ไม่ว่าจะนำกลวิธีนี้ไปใช้กับสิ่งเล็กหรือสิ่งใหญ่ หน้าที่ของมันก็เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ ก่อนจะใช้กลวิธี "การคล้อยตาม" ไม่ว่า ณ เวลาหรือสถานที่ใดๆ ก็ต้องวางแผน วิเคราะห์ คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนแน่นอนเสียก่อน
สมัยโบราณผู้ที่ไปได้ทั่วหล้าโดยไร้อุปสรรค ก็มักจะอาศัยวิธีการไปจากฝ่ายหนึ่งแล้วเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่ง บ่อยครั้งที่สามารถกุมกำลังจากทุกที่ไว้ในมือได้ ควบคุมเจ้าเมืองน้อยใหญ่ ใช้กลวิธี "การคล้อยตาม" มาเปลี่ยนเปลงสถานการณ์ เพื่อให้ได้เป้าหมายที่ตรงกับของกษัตริย์ ที่ผ่านมาอีหยิ่นจำนนต่อซางทังห้าครั้ง จำนนต่อเซี่ยเจี๋ยห้าครั้ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมสวามิภักดิ์ต่อซางทัง ลี่ว์ซั่ง (หรือเจียงจื่อหยา) จำนนต่อโจวเหวินหวังสามครั้ง จำนนต่ออิ่นโจ้วหวังสามครั้ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะรับใช้โจวเหวินหวัง นี้เป็นเพราะเข้าใจลิขิตฟ้า จึงยอมสวามิภักดิ์โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย สำหรับนักยุทธศาสตร์แล้ว หากไม่มีคุณธรรมอันสูงส่ง สติปัญญาอันล้ำเลิศ ไม่เข้าใจกฎธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ก็ไม่สามารถควบคุมคนได้ หากไม่ตั้งใจคิดตรึกตรอง ก็ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อแท้ของสิ่งต่างๆ หากไม่มุ่งพิจารณาถึงสภาพการณ์ที่แท้จริง ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงได้ หากทั้งความสามารถและความกล้ามีไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถนำทัพออกรบได้ หากมีแต่ความซื่อสัตย์จงรักภักดีเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีความรู้ความคิดเห็นที่ถูกต้องถ่องแท้ ก็ไม่มีความสามารถในการมองคนให้ออกได้  ดังนั้นกฎของ "การคล้อยตาม" ก็คือ ต้องประเมินปัญญาและความสามารถของตนเองก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของผู้อื่น แล้วมาวิเคราะห์ดูว่าในขอบเขตบริเวณใกล้ไกลยังเทียบใครไม่ได้บ้าง จะต้องรู้เขารู้เราแล้วเท่านั้น จึงจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามต้องการ

Comments

Popular posts from this blog

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (1)

บทบาทของตัวละครในการแสดงงิ้ว

งิ้วหรืออุปรากรจีนคืออะไร