《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (4)

บทที่สี่ การสกัดกั้น
สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีกฎกติกาของมัน ทุกอย่างต้องมีสองด้านที่แย้งกันเสมอ บางครั้งต่างฝ่ายต่างอยู่ใกล้กัน แต่กลับไม่เข้าใจกันและกัน บางครั้งต่างฝ่ายต่างอยู่ไกลกัน แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกันและกัน อยู่ใกล้กันแต่กลับไม่เข้าใจกัน นั่นเป็นเพราะไม่ได้คิดพิจารณาคำพูดของกันและกัน อยู่ไกลกันแต่กลับคุ้นเคย ก็เป็นเพราะไปมาหาสู่กันบ่อยและใส่ใจซึ่งกัน
คำว่า "巇" ที่กล่าวถึงคือ "ช่องโหว่หรือข้อบกพร่อง" ส่วนคำว่า "罅" นั้นก็คือ รอยร้าวของภาชนะ
รอยร้าวจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น รอยร้าวที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นสามารถใช้ "抵(การสกัดกั้น)" มาอุดมันเอาไว้
สามารถใช้ "การสกัดกั้น" มาหยุดมันไว้ สามารถใช้ "การสกัดกั้น" ทำให้มันเล็กลง สามารถใช้ "การสกัดกั้น" ทำให้มันหายไป และสามารถใช้ "การสกัดกั้น" เพื่อให้ได้เครื่องมือมา นี่ก็คือหลักทั่วไปของ "抵巇(สกัดช่องโหว่)"
เมื่อสิ่งต่างๆ เริ่มปรากฎให้เห็นวิกฤต มีเพียงนักปราชญ์เท่านั้นที่รู้ และเป็นคนเดียวที่รู้ประโยชน์ของมัน ใช้การเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ มาอธิบายสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น ทำความเข้าใจกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อสังเกตการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของคู่ต่อสู้ สรรพสิ่งทั้งหลายเมื่อเริ่มต้นก็เล็กเหมือนขนอ่อนของสัตว์ที่เพิ่งงอกออกมาในฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อพัฒนาขึ้นก็จะยิ่งใหญ่เหมือนฐานของภูเขาไท่ซาน ยามที่นักปราชญ์นำหลักการบริหารไปดำเนินการ แผนการชั่วร้ายทั้งหลายของคนเจ้าเล่ห์ก็จะถูกขจัดออกไป จะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วการสกัดช่องโหว่ก็เป็นกลวิธีอย่างหนึ่ง
บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ราชสำนักไร้ซึ่งกษัตริย์ที่ดี เหล่าขุนนางไร้ซึ่งคุณธรรม ผู้น้อยคอยพูดจายุแหย่ให้แตกแยก คนที่มีความรู้ความสามารถไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ ผู้มีปัญญาก็หนีไปหลบซ่อนตัว คนที่ละโมบโลภมาก ทุจริตคดโกง กลับได้เลื่อนตำแหน่ง กษัตริย์และขุนนางต่างระแวงกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์และขุนนางระหองระแหง ต่างฝ่ายต่างอยากเอาชนะ พ่อลูกพลัดพลากจากกัน เลือดเนื้อเชื้อไขบาดหมางกันเอง เหล่านี้ถือว่าเป็น "รอยร้าวเพียงเล็กน้อย" เมื่อนักปราชญ์เห็นรอยร้าวเพียงเล็กน้อยนี้ ก็จะหาวิธีเข้าไปจัดการกับมัน เมื่อสามารถเข้าไปเยียวยาสภาพสังคมได้แล้ว ก็ต้องใช้กลวิธีของ "การสกัด" เข้าช่วย เพื่อทำให้ "ช่องโหว่" นั้นหายไป คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์เช่นเดิมและให้มันดำรงอยู่ต่อไป ถ้าหากสภาพสังคมย่ำแย่จนถึงขั้นเยียวยาไม่ได้ ก็ต้องใช้กลวิธี "การสกัดกั้น" ที่เป็นการทำลาย (คือการทำลายให้สิ้นซาก) แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ การปกครองของห้าจักรพรรดิ (五帝) ต่างใช้วิธี "เข้าสกัดแล้วปิดกั้น" ส่วนวิธีการของสามกษัตริย์ (三王) คือต้องเข้าใจสภาพการเมืองอันโหดร้ายในสมัยนั้น จากนั้นก็เข้ายึดอำนาจและสร้างอำนาจการปกครองขึ้นมาใหม่ ในหมู่เจ้าเมืองต่างสู้รบเพื่ออยากเอาชนะกันและกัน
ในยุคสมัยที่วุ่นวายเช่นนี้ เจ้าเมืองที่เก่งการต่อสู้แย่งชิงเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง
นับตั้งแต่ที่ท้องฟ้าและพื้นดินมี "การรวมตัวและจากลา" "การเริ่มต้นและสิ้นสุด" เป็นต้นมา สรรพสิ่งทั้งหลายก็ย่อมดำรงไว้ซึ่งรอยร้าว นี่เป็นปัญหาที่ต้องนำมาศึกษา หากคิดจะทำการศึกษาปัญหานี้ก็ต้องใช้กลวิธี "การเปิดและปิด" คนที่สามารถใช้วิธีการนี้ได้ก็คือนักปราชญ์
นักปราชญ์เป็นตัวแทนของฟ้าและดิน เมื่อเวลาที่โลกไม่จำเป็นต้องใช้ "การสกัดกั้น" ก็ซ่อนตัวไว้ เพื่อรอคอยโอกาส เมื่อถึงเวลาที่โลกเปิดช่องโหว่ให้ใช้ "การสกัดกั้น" ได้จึงค่อยดำเนินการ
ดีมากครับ
ReplyDelete