《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (3)



บทที่สาม การเสนอความเห็น
ระหว่างกษัตริย์และขุนนางนั้น บางคนตัวอยู่ไกลกันมากแต่กลับรู้สึกสนิท บางคนใกล้กันมากแต่กลับรู้สึกห่างกันแสนไกล บางคนอยู่ข้างกายแต่กลับไม่ถูกเรียกใช้ บางคนจากไปแล้วยังถูกเรียกกลับเข้ารับราชการ บางคนกษัตริย์เห็นหน้าอยู่ทุกวันแต่กลับไม่ได้รับความไว้ใจ บางคนอยู่ห่างจากกษัตริย์ไกลแสนไกล แต่แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้นึกถึง ไม่ว่าเรื่องใดต้องมีทั้งฝ่ายรับและฝ่ายเสนอ โดยทั่วไปแล้วสิ่งต่างๆ ล้วนเชื่อมโยงกับจุดกำเนิดของมันเอง หรือไม่ก็ใช้คุณธรรมเป็นตัวเชื่อมโยง หรือใช้พวกพ้องเป็นตัวเชื่อมโยง หรือใช้ทรัพย์สินเงินทองเป็นตัวเชื่อมโยง หรือไม่ก็ใช้ศิลปะเป็นตัวเชื่อมโยง หากคิดจะสนับสนุนผลักดันความคิดเห็นของตนเอง ก็ต้องทำให้ได้ถึงขนาดที่ว่าคิดอยากจะเข้ามาก็ได้เข้ามา อยากจะสนิทก็ได้สนิท อยากจะห่างเหินก็ห่างเหิน อยากจะเข้าใกล้ก็ได้เข้าใกล้ อยากจะจากไปก็ได้จากไป อยากจะถูกเรียกใช้ก็ได้ถูกเรียกใช้ อยากถูกคิดถึงก็ได้ถูกคิดถึง ก็เหมือนกับแม่แมงมุมที่เดินนำลูกแมงมุม เวลาออกมาจะไม่ทิ้งร่องรอยของรังไว้ เวลากลับเข้าไปก็ไม่ทิ้งสัญลักษณ์ไว้ ไปด้วยตัวเอง กลับด้วยตัวเอง ใครก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
คำว่า "(ภายใน)" ที่กล่าวถึงก็คือการรับข้อเสนอ ส่วนคำว่า "(เสนอ)" คือการเสนอกลยุทธ์ อยากโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อก็จำเป็นต้องมีการคาดคะเนไว้ก่อน การประเมินและวางแผนจะต้องให้เป็นไปตามแนวทาง วิเคราะห์ว่าเป็นไปได้หรือไม่อย่างลับๆ ทำให้เห็นชัดเจนถึงสิ่งที่จะได้และสิ่งที่ต้องเสีย เพื่อให้เกิดผลกระทบกับวัตถุประสงค์ที่กษัตริย์คิดไว้ การเสนอความคิดเห็นโดยใช้กลวิธีนั้นควรทำให้เหมาะสมกับโอกาส เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการที่กษัตริย์วางไว้ ตรึกตรองให้ละเอียดรอบคอบก่อนนำเสนอ เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ หากสภาพการณ์ภายในไม่สอดคล้องกับโอกาส ก็ไม่สามารถดำเนินการได้  จึงต้องประเมินสถานการณ์ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยเริ่มจากจุดที่ง่ายก่อน
อะไรก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา จะต้องใช้คำพูดวาจาที่ฟังแล้วลื่นหู อะไรก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวในอนาคต ต้องใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายและเหมาะสม ผู้ที่สันทัดในการเปลี่ยนแปลง ต้องทำความเข้าใจลักษณะภูมิศาสตร์อย่างละเอียด เช่นนี้เท่านั้นจึงจะปกครองสิ่งต่างๆ ได้ ต้องเข้าใจแผนการที่กษัตริย์วางไว้ และต้องรู้แจ้งถึงเจตนารมณ์ของกษัตริย์ ไม่ว่าการใดหากมีจุดที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของกษัตริย์ นั้นเป็นเพราะยังไม่เข้าเจตนารมณ์ของกษัตริย์อย่างถ่องแท้ มีความเห็นตรงกันแล้ว แต่กลับไม่สามารถร่วมมือกันได้อย่างดี นั้นเป็นเพราะความสนิทสนมหยุดอยู่แค่ภายนอกเท่านั้น แต่เบื้องลึกนั้นยังมีระยะห่างอยู่ หากความคิดเห็นของตนกับกษัตริย์ไม่ตรงกัน นักปราชญ์จะไม่มีทางช่วยวางแผนการให้กษัตริย์อย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า คนที่ตัวอยู่ห่างจากกษัตริย์แต่กลับเป็นคนสนิท นั่นเป็นเพราะมีความคิดและเจตนาที่ตรงกัน คนที่ตัวอยู่ใกล้กษัตริย์แต่กลับถูกทำตัวห่างเหิน นั่นเป็นเพราะมีเจตจำนงไม่ตรงกับกษัตริย์ รับราชการอยู่ในตำแหน่งแต่กลับไม่ได้รับความสำคัญ นั้นเป็นเพราะแผนการของเขาไม่มีความเป็นไปได้  ผู้ที่ออกจากราชการไปแล้วแต่ยังถูกเรียกกลับมา นั้นเป็นเพราะเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อเสนอของเขานั้นใช้ได้  ผู้ที่กษัตริย์เห็นหน้าอยู่ทุกวัน แต่กลับไม่ได้รับความไว้ใจ นั่นเป็นเพราะเขาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผู้ที่ตัวอยู่ห่างไกลกัน  แต่แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้นึกถึงได้ นั่นเป็นเพราะเขามีความเห็นตรงกับผู้ที่กำหนดแผนการ และรอคอยเขากลับมาร่วมทำการใหญ่ด้วย
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ผู้ที่พยายามโน้มน้าวผู้อื่นโดยที่ยังไม่รู้กระจ่างต่อเหตุการณ์หรือเรื่องราวนั้นๆ  ผลที่ได้จะไม่เป็นไปตามหวังอย่างแน่นอน  ผู้ที่พยายามพูดโน้มน้าวผู้อื่นโดยที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงใดๆ จะต้องถูกตำหนิติเตียนอย่างแน่นอน จะต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยหาวิธีโดยยึดตามหลักความเป็นจริง เช่นนี้แล้วผลที่ได้ก็จะเป็นไปตามที่ตนต้องการ
นักปราญช์ทั้งหลายล้วนวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่างๆ จากวิสัยทัศน์ของตนเอง วิสัยทัศน์นั้นเกิดขึ้นจากคุณธรรม ความเมตตา ความเป็นธรรม และกลยุทธ์ ก่อนอื่นต้องจับประเด็นคำสอนจากตำรา《诗经》(ซือจิงและ《书经(ซูจิง)  จากนั้นค่อยมาวิเคราะห์ข้อดีข้อด้อยส่วนได้ส่วนเสีย และสุดท้ายค่อยมาคิดว่าอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือลาออกดี หากคิดจะทำงานร่วมกับผู้อื่น ก็ต้องนำความสามารถที่มีมาใช้กับภายใน หากคิดจะออกจากตำแหน่งที่เป็นอยู่ ก็ต้องนำความสามารถที่มีไปใช้กับภายนอก การจัดการงานใหญ่ทั้งภายในและภายนอก จำเป็นต้องรู้กระจ่างแจ้งทั้งด้านทฤษฎีและวิธีการ จะคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ก็ต้องกล้าตัดสินใจเรื่องยากๆ ในทุกด้านอย่างเด็ดเดี่ยว ในขณะที่ดำเนินแผนการนั้นต้องไม่ผิดพลาด ไม่หยุดที่จะสร้างผลงานและทำคุณความดีแก่บ้านเมือง ต้องสันทัดในการบริหารดูแลประชาชน ให้พวกเขาได้ทำมาหากินกัน นี่แหละที่เรียกว่า "การเสริมสร้างความสามัคคีภายในหมู่คณะ"
หากกษัตริย์ไม่สนใจงานราชการแผ่นดิน เหล่าขุนนางก็สร้างแต่ความวุ่นวาย ต่างคนต่างยืนกรานในความเห็นของตน มีความขัดแย้งในทุกๆ เรื่อง แต่ยังจองหองลำพองตน ไม่เปิดรับความคิดใหม่ๆ แต่ยังคุยโวโอ้อวด ในสถานการณ์เช่นนี้ หากราชสำนักมีคำสั่งให้เข้าเฝ้า แม้ว่าจะต้องตอบรับ แต่ก็ต้องปฎิเสธ หากคิดปฎิเสธ ก็ต้องสร้างภาพตบตาคน ก็เหมือนกับวงแหวนที่หมุนกลับไปกลับมาซ้ำๆ ทำให้คนรอบข้างดูไม่ออกว่าคุณคิดจะทำอะไร ถ้าอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ การรีบถอนตัวออกมาเป็นวิธีที่ดีที่สุด

Comments

Popular posts from this blog

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (1)

บทบาทของตัวละครในการแสดงงิ้ว

งิ้วหรืออุปรากรจีนคืออะไร