วิวัฒนาการภาพยนตร์จีน ตอนที่ 4

หลังสถาปนาเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ.1949-ปัจจุบัน)

- จุดเปลี่ยน “คนใหม่ โลกใหม่” (1949-1966)

ภาพยนตร์ซึ่งอยู่ในฐานะที่เป็นตัวแบกรับระบบความคิดทัศนคติ ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งใหม่นั้นคือจะทำอย่างไรจึงจะสามารถพัฒนาภาพยนตร์รูปแบบใหม่ๆให้เข้ามาแทนที่สิ่งเดิมได้ งานศิลปะวรรณคดีนั้น ไม่สามารถเดินตามเส้นทางเดิมที่ผ่านมาได้อีกต่อไปแล้ว เพราะหลังการปฏิวัติสู่จีนใหม่ ประเทศชาติ รูปแบบการปกครอง และความคิดทัศนคติต่างๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ดังนั้นในการประชุมครั้งแรกของประเทศจึงตกลงให้มีนโยบาย “ศิลปะวรรณคดีบริการประชาชน” เพื่อให้เห็นทิศทางของศิลปวรรณคดีจีนยุคใหม่และเพื่อเป็นขั้นตอนในการพัฒนาสู่เป้าหมาย อำนาจรัฐใหม่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของสังคมภาพยนตร์ในระดับสูง รัฐต้องการให้ภาพยนตร์เป็นอาวุธชั้นดีในการให้การศึกษาแก่ประชาชนและทำให้ประชาชนมีความสามัคคีกัน

“ภาพยนตร์ของประชาชน” คือคำตอบของภาพยนตร์รูปแบบใหม่ ในปีค.ศ.1949 ภาพยนตร์เรื่องเฉียวเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของประเทศจีนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยโรงงานผลิตภาพยนตร์ตงเป่ย (东北电影制片厂) ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐวิสาหกิจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางชีวิตของกรรมกร เกษตรกร และทหาร การดำเนินเรื่องที่ทำให้ผู้ชมเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกจริงๆของการใช้ชีวิตบวกกับการแสดงออกถึงความกระตือรือร้นที่มีต่อการเมืองอันร้อนระอุ จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องเฉียว《桥》กลายเป็นผลงานแบบอย่าง และถือได้ว่าเฉียวคือผู้สร้างให้ “ภาพยนตร์ของประชาชน” ได้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

เดือนมีนาคม ปีค.ศ.1951 26 เมืองจากทั้งประเทศได้จัดนิทรรศการฉายภาพยนตร์ที่สร้างจากบริษัทของรัฐวิสาหกิจ ภาพยนตร์เรื่องไป๋เหมาหนวี่《白毛女》และซินเอ๋อหนวี่อิงสงจ่วน《新儿女英雄传》 ตัวแทนของภาพยนตร์สารคดี 20 เรื่องและภาพยนตร์ข่าว 6 เรื่อง ทั้งหมดนี้เป็นภาพยนตร์ที่เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับเกษตรกร กรรมกร และทหารเป็นหลัก ซึ่งได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย

ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์การปฏิวัติถูกสร้างขึ้นมามากมาย และผู้ที่กำกับภาพยนตร์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในสมาชิกของกองกำลังปฏิวัติที่ผ่านสมรภูมิรบมาแล้วอย่างโชกโชน จึงทำให้ภาพยนตร์ของพวกเขาสามารถถ่ายทอดความคิด อารมณ์ความรู้สึกออกมาได้อย่างสมจริง นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล(周恩来总理)กล่าวถึงภาพยนตร์เหล่านี้ว่า “เป็นการเชิดหน้าชูตาของศิลปะประเทศจีนใหม่”

ในเวลานั้นคนทำภาพยนตร์ไม่ต่างไปจากประชาชนที่ถูกปลดปล่อยจากสงคราม จิตใจเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่ปัญหาการเมืองเป็นข้อผูกมัดที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ตามปณิธานที่ตั้งไว้ และการมาถึงของ “การปฏิวัติวัฒนธรรม” นำภาพยนตร์ไปสู่เส้นทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคยอีกครั้ง


- ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม(1966-1976)

เมื่อการปฏิวัติวัฒนธรรมได้เริ่มต้นขึ้น ภาพยนตร์จำนวนมากที่มีมากว่า 17 ปีถูกทำลายถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้นและ“ภาพยนตร์แบบอย่าง” ก็ได้เข้ามาแทนที่ ทฤษฎีของ “ภาพยนตร์แบบอย่าง” คือการนำแนวคิดการปฏิวัติแบบอัตถนิยม(革命现实主义)รวมเข้ากับแนวคิดการปฏิวัติแบบจินตนิยม(革命浪漫主义)ทฤษฎีนี้กลายมาเป็นกฎข้อบังคับที่ผู้ผลิตภาพยนตร์ต้องทำตาม ภาพยนตร์ทั้งหมดที่สร้างขึ้นต้องอยู่ในกรอบของทฤษฎีห้ามฝ่าฝืนเป็นอันขาด กฎข้อบังคับนี้ถือเป็นการทำลายภาพยนตร์จีนอย่างชัดเจน


Comments

Popular posts from this blog

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (1)

บทบาทของตัวละครในการแสดงงิ้ว

งิ้วหรืออุปรากรจีนคืออะไร