วิวัฒนาการภาพยนตร์จีน ตอนที่ 2

- ช่วงวิกฤต（1927-1930）

ปีค.ศ.1926 สงครามเป่ยฝา（北伐战争）ได้เริ่มต้นขึ้น วันที่ 4 เมษายน ค.ศ.1927 เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร สงครามเป่ยฝาพ่ายแพ้ การร่วมมือระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กับพรรคก๊กมินตั๋งล้มเหลว ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ส่งผลให้ทิศทางของภาพยนตร์จีนตกอยู่ในสภาวะวิกฤตตามไปด้วย เพื่อต่อต้านชาวต่างชาติที่เข้ามาปกครองและควบคุมตลาดภายในประเทศจีน หกผู้ประกอบการภาพยนตร์รายใหญ่ในเซี่ยงไฮ้สมัยนั้น ซึ่งประกอบด้วยหมิงซิง（明星）ต้าจงหัวไป่เหอ（大中华百合）หมินซิน（民新）ซั่งไฮ่（上海）หัวจวี่（华剧）และโหย่วเหลียน（友联）ทั้งหมดได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทลิ่วเหอ（六合公司）ขึ้นมา โดยบริษัทนี้จะรับผิดชอบเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่าย ส่วนเรื่องการสร้างภาพยนตร์ยังคงเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการแต่ละรายเหมือนเดิม การก่อตั้งขึ้นของบริษัทลิ่วเหอ（六和公司）ทำให้เกิดกระแสการสร้างภาพยนตร์แบบหยาบๆที่ไร้ความประณีต เป็นผลให้บริษัทภาพยนตร์ขนาดเล็ก 20 กว่าแห่งในเซี่ยงไฮ้ต้องล้มละลาย อีกด้านหนึ่งบริษัทที่เคยเป็นคู่แข่งกับหมิงซิง（明星） และต้าจงหัวไป่เหอ（大中华百合） อย่างบริษัทเทียนอี（天一）ก็ได้จัดตั้งฝ่ายดำเนินการขายขึ้นที่เมืองหนานหยาง（南洋）เพื่อแข่งกับบริษัทลิ่วเหอ（六和公司）

ปีค.ศ. 1928 บริษัทหมิงซิง（明星公司）ถ่ายทำ《火烧红莲寺》ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากนวนิยายกำลังภายในอิงประวัติศาสตร์เรื่องเจียงหูฉีเสียฉวน《江湖奇侠传》ที่เขียนโดยผิงเจียงปู้เซียวเซิง（平江不肖生）และออกฉายเดือนพฤษภาคมในปีเดียวกัน ซึ่งผลตอบรับจากประชาชนดีเกินความคาดหมาย จนบริษัทหมิงซิง（明星）เองต้องถ่ายทำตอนต่อๆไปเพิ่มขึ้นอีกถึง18ตอน ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์จีนในสมัยนั้นเลยทีเดียว เมื่อบริษัทอื่นๆเห็นว่าภาพยนตร์แนวกำลังภายในได้รับความสนใจจากประชาชนในวงกว้าง ต่างก็หันมาถ่ายทำภาพยนตร์แนว “อิทธิฤทธิ์อภินิหาร” กับแนว “กำลังภายใน” แทนภาพยนตร์แนวเดิมอย่าง “ความรัก”กับ “จีนโบราณ” ตามสถิติ ภายในปีค.ศ.1928 - ค.ศ.1931 บริษัทภาพยนตร์ 50 กว่าแห่งในเซี่ยงไฮ้ถ่ายทำภาพยนตร์ไปแล้วทั้งหมดเกือบ 400 เรื่อง และในจำนวนนั้นมีประมาณ 250 เรื่องที่เป็นภาพยนตร์แนวอิทธิฤทธิ์และกำลังภายใน

ปีค.ศ.1930 บริษัทภาพยนตร์ขนาดเล็กหลายแห่งร่วมกันก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์เหลียนหัว（联华）ขึ้น บริษัทเหลียนหัว（联华）ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวฝูซิ่งกั๋วเพี่ยน（复兴国片运动）ซึ่งมีวัตถุประสงค์คือเพื่อปฏิรูปรูปแบบภาพยนตร์ในประเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ความเชื่อ ความรุนแรง และการต่อสู้ โดยหันมาเรียกร้องให้สร้างภาพยนตร์ที่ส่งเสริมศิลปะ เผยแพร่วัฒนธรรม และให้คติความรู้แก่ประชาชนแทน ภายใต้วัตถุประสงค์นี้ บริษัทเหลียนหัว（联华）ได้ดึงนักลงทุนที่มีอิทธิพลเข้ามามากมาย ในขณะเดียวกันก็รวบรวมกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถให้เข้ามาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ ช่วงเวลา 8 ปีที่บริษัทเหลียนหัว（联华）ดำรงอยู่ ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ไปแล้วเกือบ100 เรื่อง โดยส่วนมากเป็นภาพยนตร์แนวใหม่ที่ให้ความรู้สึกแบบใหม่แก่ผู้ชม ดังนั้นเมื่อบริษัทเหลียนหัว（联华）ก่อตั้งได้ไม่นาน ก็เข้ามาแทนที่บริษัทสามเส้าอย่างหมิงซิง（明星）ต้าจงหัวไป่เหอ（大中华百合）และเทียนอี（天一）การก่อตั้งขึ้นของบริษัทภาพยนตร์เหลียนหัว（联华） บวกกับการที่ภายหลังได้เกิดเหตุการณ์18 กันยา ในปีค.ศ.1931 (เหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นได้เข้ารุกรานแมนจูเรีย หรือที่เรียกกันว่ากรณีมุกเดน) และเหตุการณ์28 มกรา ในปี1932 (ทหารญี่ปุ่นยึด 3 มณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งได้แก่เสิ่นหยาง（沈阳）จี๋หลิน（吉林）และเฮยหลงเจียง（黑龙江）) ขึ้น ทำให้ภาพยนตร์แนวอิทธิฤทธิ์และกำลังภายในตกต่ำถึงขีดสุด

- การเคลื่อนไหวของภาพยนตร์ฝ่ายซ้าย（1932-1937）

หลังจากปีค.ศ.1930 ภายใต้การนำของคอมมิวนิสต์จีน นักเขียนกลุ่มที่เซี่ยงไฮ้ได้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรนักเขียนฝ่ายซ้ายกับกลุ่มพันธมิตรผู้เขียนบทละครฝ่ายซ้ายขึ้น

การเกิดขึ้นของเหตุการณ์18 กันยา ในปีค.ศ.1931และเหตุการณ์ 28 มกรา ในปี1932 ถือเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกของประชาชนในการชมภาพยนตร์จีน ผู้ชมจำนวนมากไม่พอใจกับภาพยนตร์แนวอิทธิฤทธิ์กำลังภายใน ต่างก็เรียกร้องให้บริษัทภาพยนตร์ถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการต่อต้านญี่ปุ่น และการต่อต้านการทำสงคราม ในเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ.1932 บริษัทหมิงซิง（明星公司）ได้เชื้อเชิญเซี่ยเยี่ยน（夏衍）อาอิง（阿英） และเจิ้นป๋อฉี（郑伯奇）ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาแต่งบทภาพยนตร์ ต่อมาภายหลังบริษัทเหลียนหัว และเทียนอี ก็ได้เชื้อเชิญสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อย่างหยางฮั่นเซิง（阳翰笙） เถียนฮั่น（田汉） ซุนซืออี้（孙师毅）เนี่ยเอ่อ（ 聂耳）เป็นต้น ให้เข้ามาร่วมงานด้วย

เดือนมีนาคม ค.ศ.1933 กลุ่มภาพยนตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อตั้งขึ้น โดยมีเสิ่นตวนเซียน（ 沈端先）เป็นหัวหน้ากลุ่ม ในปีเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า 2 ใน 3 ของจำนวนภาพยนตร์ทั้งหมดกว่า 70 เรื่องที่บริษัทภาพยนตร์แต่ละแห่งสร้างขึ้นนั้น จะเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับแนวคิดฝ่ายซ้ายและแนวคิดหัวก้าวหน้า การออกฉายของภาพยนตร์มีอิทธิพลต่อสังคมในวงกว้าง ทำให้ประชาชนเกิดความฮึกเหิมรักชาติ ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของภาพยนตร์ฝ่ายซ้ายนั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ที่วุ่นวายไม่สงบของสังคมสมัยนั้นได้อย่างแท้จริง และการปลุกระดมให้ต่อต้านญี่ปุ่นก็เป็นแนวคิดอัตถนิยม（现实主义）ที่มีอิทธิพลต่อเนื่องมาสู่ภาพยนตร์