Posts

ความฝันเสมือนจริง

Image
ผมทำความคุ้นเคยกับผู้ป่วยหญิงคนนี้มาหลายครั้งกว่าจะได้นั่งพูดคุยกันอย่างจริงจัง ด้วยความที่เธอใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดกลัวตลอดเวลา เธอไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว แฟน เพื่อน หมอหรือนักจิตวิทยา  ซึ่งความหวาดกลัวของเธอนั้นมาจากความฝันของเธอเอง เนื่องจากเธออยู่ในที่ปลอดภัยมาก ไม่มีอะไรมาทำอันตรายเธอได้ (ผลจากการเฝ้าสังเกตด้วยตนเองซ้ำไปซ้ำมา ผมไม่เชื่อรายงานการสังเกตการณ์ของคนอื่น เรื่องใดก็ตามที่มีผลต่อความปลอดภัยของตนเอง ผมว่าการสังเกตการณ์เองน่าจะดีกว่า) ดังนั้นครั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นปากกาอัดเสียง กระดาษจดบันทึก หรือดินสออะไรก็ตามผมพกไปครบทั้งหมด ผม: "เมื่อวานคุณฝันหรือเปล่า" เธอ: "ฉันไม่ได้นอน" สีหน้าของเธอไม่ใช่สีหน้าของความอ่อนล้า แต่เป็นความซีดเซียวอันเกิดจากการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและการนอนหลับที่ไม่เพียงพอมาเป็นระยะเวลานาน รวมไปถึงความวิตกจริตที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนเริ่มต้นของโรคฮิสทีเรีย ผม: "กลัวการฝันเหรอ" ผมรู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่มาในวันนี้ จึงตัดสินใจถามอย่างระมัดระวัง เธอ: "อื้ม" ผม: "เมื่อวันก่...

เรื่องของบทบาท

Image
  เขา: "ผมพูดได้แค่ว่าผมเห็นใจคุณนะ แต่ไม่ได้สงสารคุณ เพราะยังไงเสียผมก็เป็นคนที่สร้างคุณขึ้นมา" ผม: "คุณสร้างผมยังไงเหรอ" เขา: "คุณเป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งในนิยายของผมเท่านั้น จุดประสงค์ในการปรากฏตัวของคุณก็เพื่อเพิ่มปฏิกิริยาบางอย่างในจิตใจให้ผมซึ่งก็คือตัวเอกของหนังสือเล่มนี้และช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมด ผมหมายถึงให้เรื่องราวดำเนินต่อไปน่ะ" เขาที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นผู้ป่วยโรคจิตหลงผิด (Delusional Disorder) เขาเข้าใจว่าตัวเองเป็นตัวเอกในหนังสือเล่มหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นผู้เขียนด้วย เขามีประวัติการเจ็บป่วยมา 4 ปีกว่า เขาเข้าโรงพยาบาลเมื่อ 3 ปีก่อน ยาดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับเขา ครอบครัวซึ่งก็คือภรรยาของเขาก็แทบจะถอดใจอยู่รอมร่อ ด้วยความที่เขาเคยมีอาการคลุ้มคลั่ง ผมจึงพกแค่เครื่องบันทึกเสียงเข้าไป ไม่ได้พกกระดาษ ปากกาหรือสิ่งของแหลมคมใดๆ เรานั่งห่างกันมาก เขาอยู่ฟากโน้นของโต๊ะ ส่วนผมอยู่ฟากนี้ของโต๊ะซึ่งห่างกันประมาณสองเมตร เขานั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะและถูมือไปมาใต้โต๊ะด้วยความเคยชิน เขา: "ผมรู้ว่านี่มันเกินขอบเขตความเข้าใจของคุณ แต่นี่มันคือความจริงและบ...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (12)

Image
บทที่สิบสอง การพูดให้สอดคล้องกัน หากผู้ที่เป็นกษัตริย์สามารถทำได้ถึงขั้นสุขุม ใจเย็น ซื่อตรง สงบนิ่ง ทั้งยังคล้อยตามได้และยับยั้งชั่งใจเป็น ยอมเป็นผู้ให้และไม่เป็นผู้แย่งชิง   เช่นนี้ก็จะสามารถเผชิญหน้ากับข้อพิพาทต่างๆ ได้อย่างใจเย็นและสงบนิ่ง   ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง วิธีการที่ดีในการรักษาตำแหน่งกษัตริย์ สำหรับดวงตาแล้ว   สิ่งสำคัญคือความชัดเจน   สำหรับหูนั้น   สิ่งสำคัญคือว่องไว   และสำหรับจิตใจนั้น   สิ่งสำคัญอยู่ที่ปัญญา หากกษัตริย์สามารถใช้ตาของทุกคนไปมองสิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่มองไม่เห็น   หากใช้หูของทุกคนไปฟังสิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ได้ยิน   หากใช้ใจของทุกคนไปคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ หากคนทุกคนเป็นอย่างซีของล้อรถที่ไปบรรจบกันตรงเพลาล้อ   ร่วมแรงร่วมใจกัน   ก็จะมองเห็นความจริงทุกอย่าง   ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้   ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง ความสามารถในการดูคน วิธีการฟังให้ได้เรื่องราวคือ   อย่าตอบตกลงทั้งที่เห็นในระยะไกล   และอย่าปฎิเสธทั้งที่เห็นในระยะไกล   หากรับฟังคำพูดของ...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (11)

Image
บทที่สิบเอ็ด การตัดสินใจ ใครก็ตามที่ช่วยตัดสินใจให้ผู้อื่น   ล้วนถูกไหว้วานจากคนที่มีปัญหายากจะแก้ไข   โดยทั่วไปผู้คนต่างคาดหวังที่จะเจอแต่เรื่องดีๆ ไม่หวังที่จะพบเจอเรื่องร้ายๆ หวังว่าสุดท้ายจะขจัดข้อสงสัยต่างๆ ออกไปได้   ในขณะตัดสินใจนั้น   หากเป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว   เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายที่ไม่ได้ประโยชน์ก็จะไม่ยอมรับ   นั่นเป็นเพราะว่า พื้นฐานของการพึ่งพาอาศัยขาดความสมดุล   ความจริงแล้วการตัดสินใจใดๆ ควรเป็นประโยชน์ต่อผู้ตัดสินใจเอง   แต่หากว่าภายในแฝงด้วยปัจจัยที่ไม่เอื้อประโยชน์   เช่นนั้นแล้วผู้ตัดสินใจก็จะไม่ยอมรับ   ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายก็จะเริ่มห่างออกไป   เช่นนี้แล้วก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มาช่วยตัดสินใจ   ยิ่งกว่านั้นอาจจะเป็นการนำภัยมาสู่ตน   การตัดสินใจเช่นนี้ถือเป็นความผิดพลาด   เหตุที่นักปราชญ์ทำการใหญ่ให้สำเร็จได้ มีหลักสำคัญ 5 ข้อ คือ ใช้หลักของหยาง ใช้หลักของหยิน ใช้ความเป็นธรรม ใช้ความรักความเมตตา และใช้ความซื่อสัตย์สุจริต   ต้องใช้หลักทั้งห้านี้ในยามปกติและยา...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (10)

Image
บทที่สิบ การวางแผน ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนวางแผนการ   ล้วนต้องปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้   จะต้องทำความเข้าใจกับสาเหตุที่มาที่ไป และศึกษาสภาพความเป็นจริง   และใช้การศึกษานี้มากำหนด "คนสามระดับ"   ซึ่งก็คือ ระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง   หากคนทั้งสามระดับต่างมองทะลุซึ่งกันและกัน   ก็จะสามารถคิดแผนการที่คาดไม่ถึง   และแผนการที่คาดไม่ถึงนี้ก็เอาชนะได้ทุกสิ่ง เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน   ดังนั้นคนประเทศเจิ้งจึงต้องพกเข็มทิศติดตัวทุกครั้งที่เข้าป่า เพื่อจะได้ไม่หลงทาง   การประเมินความรู้ ความสามารถ และความรู้สึกนึกคิด ก็เปรียบเสมือนกับการใช้เข็มทิศ   ดังนั้นใครก็ตามที่สนิทสนมและมีความคิดความรู้สึกตรงกัน   จะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน   ใครก็ตามที่มีความต้องการเหมือนกัน   แต่ความสัมพันธ์ห่างเหิน   สุดท้ายก็จะมีเพียงบางกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์   ใครก็ตามที่มีความคิดชั่วร้ายเหมือนกัน   ทั้งยังสนิทสนมกันและกัน   ก็จะต้องเสียหายไปด้วยกัน   ใครก็ตามที่มีความคิดชั่วร้ายเหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์ห่า...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (9)

Image
บทที่เก้า การใช้อำนาจ "การพูดโน้มน้าว" ก็คือการพูดให้ผู้อื่นเชื่อในสิ่งที่พูด  การ จะพูดให้ผู้อื่นเชื่อก็ต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น คำพูดอะไรก็แล้วแต่ที่ผ่านการแก้ไขมาแล้ว ล้วนถูกนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง สิ่งใดก็ตามที่ถูกยืมมา   ล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นงานสังสรรค์หรือการตอบคำถาม จำเป็นต้องรู้ทักษะการพูดทางการทูตเป็นอย่างดี คำพูดต่างๆ ที่ใช้ทางการทูต มักจะเป็นคำพูดที่ไม่มีความสัตย์จริง หากจะสร้างความน่าเชื่อถือก็ต้องเปิดเผยตรงไปตรงมา การที่เปิดเผยตรงไปตรงมาก็เพื่อให้คนได้เห็นและพิสูจน์ คำพูดใดก็ตามที่ยากจะปริปากพูด ล้วนเป็นคำวิจารณ์ในเชิงลบ   อะไรก็ตามที่เป็นการวิจารณ์ในเชิงลบ   ล้วนเป็นคำพูดชักจูงให้ฝ่ายตรงข้ามเผยความลับออกมา คนที่พูดจาเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด กลับกลายเป็นคน "ซื่อสัตย์" เพราะประจบสอพลอเก่ง  คนที่พูดจาธรรมดา แต่กลับดูเป็นคน "กล้าหาญ" เพราะมีความเด็ดขาด คนที่พูดจาดูเศร้าสร้อย แต่เพราะมีดุลพินิจจึงดูเป็นคน "น่าเชื่อถือ"   คนที่พูดจานิ่งๆ แต่กลับกลายเป็น "ผู้ชนะ" เพราะชอบคิดแบบกลับด้าน การตอบรับและคล้อยตาม...

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (8)

Image
บทที่แปด การชั่งน้ำหนัก "การชั่งน้ำหนัก" ที่ว่าเป็นวิธีที่คล้ายกับ "การคาดคะเน"   เป้าหมายของการคาดคะเนคือ "สอดคล้องกับภายใน"   การดำเนินการคาดคะเนจำต้องรู้กฎของการคาดคะเน   และกฎเหล่านี้ก็ซ่อนอยู่ข้างในไม่ปรากฎให้เห็น   จึงต้องอาศัยการ "ชั่งน้ำหนัก" อย่างเหมาะสม   เพื่อประเมินความชอบของเขา โดยให้เขาสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมภายนอก   จะให้สิ่งที่อยู่ภายในใจเปิดเผยออกมา ก็ต้องลงมือทำอะไรบ้างอย่าง นี่ก็คือหน้าที่ของ "การชั่งน้ำหนัก" หลังจากบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ก็ต้องไปจากฝ่ายตรงข้ามในเวลาที่เหมาะสม   เก็บซ่อนแรงจูงใจไว้   ทำลายร่องรอย อำพรางพฤติกรรมภายนอก   หลีกเลี่ยงความจริง   ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือทำเรื่องนี้ "การชั่งน้ำหนัก" ฝ่ายตรงข้ามทำในเวลานี้   และฝ่ายตรงข้ามจะเปิดเผยตัวในเวลาต่อมา   ขอเพียงเรามีวิธีทำให้ฝ่ายตรงข้ามทำตามแผนของเรา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สำเร็จได้ สมัยโบราณคนที่เก่งใน "การชั่งน้ำหนัก" ก็เหมือนกับการถือเบ็ดไปตกปลาที่ริมน้ำ เพียงแค่หย่อนเบ็ดที่มีเหยื่อลงในน้ำ รออย่างเงียบๆ ไม่ต้องพู...