ประวัติความเป็นมาของงิ้วหรืออุปรากรจีน





เริ่มต้นสมัยราชวงศ์ซ้อง(ค.ศ. 1179-1276) ทางภาคใต้ของจีนมีคณะงิ้วที่มีชื่อได้เปิดการแสดงที่มีบทพูดเป็นโคลงกลอนสลับการร้อง ใช้วงเครื่องดีดสีตีเป่าประกอบการแสดง ในยุคนั้นยังไม่มีรูปแบบในการแสดงที่ชัดเจน ใช้ผู้แสดงแค่ไม่กี่คน จึงมีการแสดงเป็นเรื่องสั้นๆเพียงเท่านั้น

ทางภาคเหนือนั้น ราวช่วงต้นศตวรรษที่ 13 พวกชนเผ่ามองโกสร้างรูปแบบของงิ้วขึ้นมาเรียกว่า "ซาจู" โดยมักแบ่งการแสดงออกเป็น 4 องค์ โดยตัวละครเอกเท่านั้น ที่จะมีบทร้องเป็นทำนองเดียวตลอดเรื่อง ส่วนตัวประกอบอื่นอาศัยการพูดประกอบขณะที่อุปรากรฝ่ายเหนือเป็นที่นิยมในหมู่ขุนนางชั้นสูง ทางใต้นั้นผู้คนนิยมดูงิ้วที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องเล่าพื้นบ้าน

ในศตวรรษที่ 16 บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบ ผู้คนเริ่มมีฐานะและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้วงการวรรณกรรมเฟื่องฟูไปด้วย ซึ่งส่งผลทำให้บทร้องอุปราการสละสลวยยิ่งขึ้น โดยนายเหว่ย เหลียงฟุ (1522-1573) นำนิยายพื้นบ้านดังๆเรียกว่า "คุนฉู" มาเขียนเป็นบทร้อง มีสไตล์การร้องที่อ่อนหวาน ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้นส่วนใหญ่คือกลองและขลุ่ยไม้

วิวัฒนาการของงิ้ว ยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและมาเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในสมัยของเฉียนหลงฮ่องเต้ ประมาณปีค.ศ.1736-1796

ในศตวรรษที่ 18 เกิดอุปรากรแบบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบของงิ้วปัจจุบัน อุปรากรดังกล่าวเป็นที่แพร่หลายนับตั้งแต่เปิดการแสดงในงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของเฉียนหลงฮ่องเต้ (1736-1796) ในจำนวนคณะงิ้วที่เข้ามาแสดงเหล่านี้รวมถึงคณะของนายเว่ย จางเฉิน จากเสฉวน ซึ่งนำเทคนิคการแสดงงิ้วแบบใหม่ๆเข้ามาเผยแพร่ในเมืองหลวงกระทั่งปลายราชวงศ์ชิง งิ้วจึงมีลักษณะต่างๆกันออกไปหลายร้อยแบบ ทั้งในด้านการร้อง การจัดฉากเพลง แต่ส่วนใหญ่นำเนื้อเรื่องมาจากคุนฉู หรือนิยายที่เป็นที่นิยมนั่นเอง การแสดงงิ้ว...จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปจนทั่วประเทศจีน


งิ้วที่ยอมรับกันว่าเป็นงิ้วที่สมบูรณ์แบบชนิดแรกคือ ละครใต้ (南戏) ของสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ แถบเมืองเวินโจว(温州) จนกระทั่งสมัยราชวงศ์ชิงจึงเกิด ‘งิ้วปักกิ่ง’ซึ่งถือได้ว่าเป็นศิลปะประจำชาติ และมีความโดดเด่นมาก เพราะเป็นการแสดงที่เอาความเด่นของงิ้วทุกชนิดมารวมเข้าด้วยกัน มีการแสดงที่โลดโผนกว่างิ้วแต้จิ๋ว มีการร้องโอเปร่า ร้องลากเสียงเพื่อแสดงพลังเสียง และมีการใช้เสียงบีบเพื่อแสดงศิลปะการใช้เสียงที่หลากหลายด้วย

สมัยของพระนางซูสีไทเฮา ก็เป็นอีกยุคหนึ่งที่การแสดงงิ้วรุ่งเรืองสุดขีด เพราะพระนางซูสีไทเฮาทรงโปรดปรานการแสดงงิ้วมาก..การแสดงงิ้วในเมืองจีนช่วงนั้นจึงถือว่าได้รับความนิยมสูงสุด แต่แล้ว “งิ้ว”ก็มีอันต้องลดบทบาทลง ภายหลังจากที่พระนางซูสีไทเฮาและพระเจ้ากวงสูสวรรคต เพราะแต่เดิมนั้นการแสดงงิ้วจะเป็นมหรสพที่หาชมได้เพียงในพระราชวัง หรือ ในตระกูลของผู้สูงศักดิ์เท่านั้น เมื่อการสนับสนุนของงิ้วในราชวงศ์ลดลงบรรดาคณะงิ้วต่างๆจึงต้องออกมาแสดงตามสถานที่ต่างๆเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ และถือเป็นก้าวแรกที่การแสดงงิ้วได้รับการถ่ายทอดออกมาสู่สามัญชนจนเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป และสุดท้ายก็ได้แพร่ขยายออกไปสู่ประเทศต่างๆทั่วโลก

Comments

Popular posts from this blog

《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (1)

บทบาทของตัวละครในการแสดงงิ้ว

งิ้วหรืออุปรากรจีนคืออะไร