《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (12)

บทที่สิบสอง การพูดให้สอดคล้องกัน
หากผู้ที่เป็นกษัตริย์สามารถทำได้ถึงขั้นสุขุม ใจเย็น ซื่อตรง สงบนิ่ง ทั้งยังคล้อยตามได้และยับยั้งชั่งใจเป็น ยอมเป็นผู้ให้และไม่เป็นผู้แย่งชิง เช่นนี้ก็จะสามารถเผชิญหน้ากับข้อพิพาทต่างๆ ได้อย่างใจเย็นและสงบนิ่ง ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง วิธีการที่ดีในการรักษาตำแหน่งกษัตริย์
สำหรับดวงตาแล้ว สิ่งสำคัญคือความชัดเจน สำหรับหูนั้น สิ่งสำคัญคือว่องไว และสำหรับจิตใจนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ปัญญา หากกษัตริย์สามารถใช้ตาของทุกคนไปมองสิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่มองไม่เห็น หากใช้หูของทุกคนไปฟังสิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ได้ยิน หากใช้ใจของทุกคนไปคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ หากคนทุกคนเป็นอย่างซีของล้อรถที่ไปบรรจบกันตรงเพลาล้อ ร่วมแรงร่วมใจกัน ก็จะมองเห็นความจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้ ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง ความสามารถในการดูคน
วิธีการฟังให้ได้เรื่องราวคือ อย่าตอบตกลงทั้งที่เห็นในระยะไกล และอย่าปฎิเสธทั้งที่เห็นในระยะไกล หากรับฟังคำพูดของผู้อื่น ก็เท่ากับเป็นการป้องกันตนเองเพิ่มขึ้นอีกชั้น หากปฏิเสธที่จะรับฟังคำพูดของผู้อื่น ก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นตนเอง ภูเขาสูงยังมองเห็นยอด น้ำที่ลึกยังมองเห็นพื้น แต่จิตใจคนที่ทั้งลึกและตรงนั้นมิอาจวัดได้ ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง การแนะนำให้ถ่อมตน
เวลาให้รางวัล สิ่งสำคัญคือสัจจะ เวลาทำโทษนั้น ความเด็ดขาดเป็นสิ่งสำคัญ สัจจะและความเด็ดขาดในการทำโทษและการให้รางวัลนั้น ควรพิสูจน์กับเรื่องที่ประชาชนและขุนนางต่างรับรู้ เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดของคนที่ไม่ได้ยินไม่ได้เห็นด้วยตนเองได้บ้าง หากประชาชนต่างรับรู้ถึงความมีสัจจะของกษัตริย์ เช่นนั้นแล้วแม้แต่เทพก็จะมาปกป้อง แล้วจะกลัวอะไรกับคนทรยศทั้งหลาย ใจความข้างต้นนั้นพูดถึง การให้รางวัลและการทำโทษจำเป็นต้องมีสัจจะ
หนึ่ง เรียกว่าโอกาสที่ดี สอง เรียกว่าภูมิศาสตร์ที่ดี สาม เรียกว่าความสามัคคี ทั่วทุกสารทิศ ทั้งบนล่าง ซ้ายขวา หน้าหลัง มีที่ไหนบ้างที่ไม่รู้ชัดเจน ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง การสอบถามข้อมูลจากหลายแหล่ง
ใจเป็นผู้ปกครองของทวารทั้งเก้า (ประกอบด้วย ตา 2 จมูก 2 ปาก 1 หู 2 และทวารทั้ง 2) กษัตริย์เป็นผู้นำของขุนนางทั้งห้าฝ่าย (ตำแหน่งขุนนางสมัยก่อน ประกอบด้วย ซือถู ซือหม่า ซือคง ซือซื่อ และซือโค๊ว) ขุนนางและประชาชนที่ทำเรื่องดี กษัตริย์จะให้รางวัลพวกเขา ขุนนางและประชาชนที่ทำเรื่องไม่ดี กษัตริย์จะทำโทษพวกเขา กษัตริย์จะแต่งตั้งขุนนางโดยดูจากผลงาน ให้รางวัลโดยพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง เช่นนี้แล้วก็จะไม่ทำให้ประชาชนต้องทำงานหนักและไม่ทำให้ประเทศชาติสิ้นเปลื้อง นักปราชญ์ต้องการให้ความสำคัญกับขุนนางเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจตัวตนของพวกเขาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังต้องปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ จึงจะอยู่ได้อย่างยั่งยืน ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่องการเป็นไปตามกฎและหลักการ
การเป็นกษัตริย์นั้นจำเป็นต้องเข้าใจสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างกว้างขวาง หากไม่รู้หลักมนุษยธรรม เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดการจลาจลได้ง่าย ถ้าบนโลกนี้เงียบสงัดไม่มีเสียงใดๆ เลยก็คงผิดปกติ ภายในภายนอกไม่มีการไปมาหาสู่ แล้วจะรับรู้การเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างไร การเปิดเผยและปิดกั้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม ก็ไม่อาจค้นพบแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่ง ใจความข้างต้นพูดถึง การเข้าใจในเหตุและผลของสิ่งต่างๆ
สิ่งหนึ่งเรียกว่า "การมองได้ไกล" สิ่งหนึ่งเรียก "การฟังได้ไกล" และอีกสิ่งหนึ่งเรียกว่า "ความสามารถในการเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างชัดแจ้ง" ณ ที่ที่ห่างออกไปพันลี้ สถานที่ที่ดูเลือนลางไม่ชัดเจนนั้นเรียกว่า "ความปรุโปร่ง" สิ่งชั่วร้ายบนโลกนี้เมื่ออยู่ในที่มืดมันก็ยังคงเป็นสิ่งชั่วร้ายไม่เปลี่ยนแปลง ใจความข้างต้นพูดถึงเรื่อง การมองเห็นสิ่งชั่วร้ายอย่างทะลุปรุโปร่ง
ตรวจสอบความเป็นจริงตามยศฐาบรรดาศักดิ์ ทำให้ชัดเจนในยศฐาบรรดาศักดิ์โดยยึดตามความเป็นจริง เงื่อนไขที่ถูกสร้างขึ้นโดยยศฐาบรรดาศักดิ์และความเป็นจริง ในทางกลับกันก็แสดงออกซึ่งกันและกัน หากยศฐาบรรดาศักดิ์และความเป็นจริงสอดคล้องกันก็จะปกครองได้ง่าย แต่หากไม่สอดคล้องกันก็จะเกิดความวุ่นวายได้ง่าย ยศฐาบรรดาศักดิ์เกิดจากความเป็นจริง ความเป็นจริงเกิดจากความปรารถนา ความปรารถนาเกิดจากการวิเคราะห์ การวิเคราะห์เกิดจากสติปัญญา และสติปัญญาก็เกิดจากความเหมาะสม ใจความข้างต้นพุดถึงเรื่อง ความสอดคล้องของยศฐาบรรดาศักดิ์และความเป็นจริง
ยอดเยี่ยมครับ อยากอ่านงานแปล ตำราของนักปราชญ์จีน ท่านอื่นๆอีกครับ
ReplyDelete