《鬼谷子》กุ่ยกู๋จื่อ 12 บท (1)



บทที่หนึ่ง การเปิดปิด
ประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนแสดงให้เห็นว่านักปราชญ์นั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำทางให้แก่ผู้คนทั้งหลาย นักปราชญ์ตัดสินสรรพสิ่งทั้งหลายโดยผ่านการสังเกตความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านดีและด้านชั่ว (หยินและหยาง) และทำความเข้าใจวิถีของการมีชีวิตรอดและความตาย คำนวณและคาดเดาการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ รู้กฎการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของมนุษย์ ฉะนั้นนักปราชญ์ในโลกนี้จึงล้วนมีบทบาทเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ นั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่คนเราต่างมีที่ไปของตนเอง บางคนเป็นหยิน บางคนเป็นหยาง บางคนอ่อนแอ บางคนแข็งแกร่ง บางคนเปิดเผย บางคนเก็บตัว บางคนผ่อนคลาย  บางคนตึงเครียด
ฉะนั้น นักปราชญ์จะต้องรู้และเข้าใจถึงปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างถ่องแท้ ต้องประเมินสติปัญญาและความสามารถของฝ่ายตรงข้ามก่อน จากนั้นจึงค่อยมาเปรียบเทียบจุดอ่อนจุดแข็ง ส่วนเรื่องคนดีกับคนเลว ความมีปัญญากับความโง่เขลา ความกล้าหาญกับความขี้ขลาดนั้น ล้วนมีความแตกต่างกัน  สิ่งเหล่านี้สามารถเปิดเผยได้ก็ปิดกั้นได้ เพิ่มขึ้นได้ก็ลดลงได้ มองข้ามได้ก็ให้ความสำคัญได้ ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อย่าไปฝืนมัน ต้องรู้จักสำรวจตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา รู้ความปราถนาและอุดมคติของพวกเขาโดยดูจากความชอบและความต้องการของพวกเขาเอง จับผิดคำพูดของฝ่ายตรงข้ามอย่างพอเหมาะ เมื่อพวกเขาเปิดเผยแล้ว จึงค่อยตรวจสอบซ้ำเพื่อหาความจริง  ต้องจับวัตถุประสงค์ในคำพูดที่ฝ่ายตรงข้ามสื่อออกมาให้ได้ การทำให้ฝ่ายตรงข้ามปิดก่อนแล้วค่อยเปิดภายหลัง ก็เพื่อจะได้คว้าโอกาสที่ดีเอาไว้ หากจะแยกแยะว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ก็ต้องวิเคราะห์ทำความเข้าใจกับกลวิธีเหล่านั้น กลวิธีนั้นมีทั้งจุดที่เหมือนและไม่เหมือนตัวเอง จำเป็นต้องชัดเจนในความคิดของตน และปฎิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ก็ต้องระมัดระวังในการอ่านความคิดของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
หากต้องการเปิด สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน หากต้องการปิด สิ่งสำคัญคือการรักษาความลับอย่างเคร่งครัด เห็นได้ว่าความรอบคอบและการเก็บความลับนั้นมีความสำคัญเพียงใด จึงควรปฎิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้อย่างระมัดระวัง การทำให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยตัวตน ก็เพื่อจะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา การทำให้ฝ่ายตรงข้ามปิดกั้นตัวตน ก็เพื่อดูว่าเขามีจิตใจที่หนักแน่นและจริงใจแค่ไหน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยกลวิธีและความสามารถที่แท้จริงออกมา ทำให้เราประเมินระดับความสามารถของฝ่ายตรงข้ามในทุกด้านได้  ฉะนั้น การเปิดที่กล่าวมานั้น จะเป็นการเปิดให้ตนเองก้าวออกไปหรือเปิดให้ผู้อื่นก้าวเข้ามาก็ได้ การปิดที่กล่าวมา จะเป็นการปิดกั้นเพื่อบังคับตนเองให้อยู่ในกรอบหรือการปิดกั้นเพื่อบังคับให้ผู้อื่นจากไปก็ได้  การเปิดและการปิดเป็นกฎธรรมชาติที่ทำให้สิ่งต่างๆ ในโลกนี้เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลง
การเปิดและการปิดสะท้อนให้เห็นถึงวิถีของสรรพสิ่ง เป็นลักษณะหนึ่งของการโน้มน้าว ก่อนอื่นคนเราจำเป็นต้องพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างระมัดระวัง สิ่งต่างๆ มีทั้งดีและไม่ดี โชคชะตาของคนเราล้วนถูกโยงเข้ากับสิ่งเหล่านี้
ปากนั้นเป็นประตูและหน้าต่างของจิตใจ และจิตใจนั้นก็มีอิทธิพลเหนือจิตวิญญาณ ปณิธาน ตัณหา กามารมณ์ ความคิด และสติปัญญา ล้วนต้องออกมาทางประตูและหน้าต่างบานนี้  ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้การเปิดและการปิดมาเฝ้าดูแลประตูแห่งนี้ เพื่อควบคุมการเข้าออก  เมื่อหยินหยางสัมพันธ์กัน การเปิดและการปิดจึงจะเป็นไปตามกฎและเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การมีอายุยืน ความสงบสุข ความร่ำรวยเงินทอง การมีเกียรติยศ  การมีชื่อเสียง  ความภาคภูมิใจ  เป็นต้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหยาง เรียกว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" ส่วนความตาย ความทุกข์ ความยากจน ความอัปยศ การทำลาย ความผิดหวัง ภัยพิบัติ การลงโทษ เป็นต้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหยิน เรียกว่า "การสิ้นสุด"
กฎที่เกี่ยวกับการเปิดและการปิดล้วนต้องผ่านการทดลองจากหยินและหยาง ด้วยเหตุนี้ จึงให้ค่าตอบแทนที่สูงส่งแก่คนที่โน้มน้าวด้วยด้านของหยาง และให้ค่าตอบแทนที่ต่ำด้อยแก่คนที่โน้มน้าวด้วยด้านของหยิน ใช้ความต่ำต้อยแสวงหาสิ่งที่เล็ก ใช้ความสุงส่งแสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จากตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีอะไรที่ออกไปไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เข้ามาไม่ได้  ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งล้วนทำให้สำเร็จได้ เมื่อใช้หลักการนี้ในการพูดโน้มน้าว สามารถเกลี้ยกล่อมให้บุคคล ครอบครัว และบ้านเมืองเชื่อในสิ่งที่พูดได้ เวลาจะทำการเล็กไม่มีข้อจำกัดของ "ภายใน" เวลาจะทำการใหญ่ไม่มีขอบเขตของ "ภายนอก" ความเสียหายและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด การจากไปและการเข้าใกล้ การหักหลังและการสวามิภักดิ์ เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของหยินและหยาง ด้านที่เป็นหยางคือการเคลื่อนไปข้างหน้า ด้านที่เป็นหยินคือการหยุดนิ่งและการหลบซ่อน ด้านที่เป็นหยางคือการแสดงออก ด้านที่เป็นหยินคือการเก็บตัว ธาตุหยินและหยางแสวงหากันและกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักการเปิดและการปิด นี้เป็นหลักการของหยินหยาง และเป็นวิธีการโน้มน้าวให้คนเชื่อ เป็นผู้นำของสิ่งต่างๆ เป็นประตูของฟ้าและดิน การเปิดปิดเส้นทางหยินหยาง เป็นหลักการพื้นฐานของสรรพสิ่งทั้งหลาย เป็นกุญแจไขปริศนาสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้

Comments

Post a Comment

Popular posts from this blog

บทบาทของตัวละครในการแสดงงิ้ว

งิ้วหรืออุปรากรจีนคืออะไร